tag:blogger.com,1999:blog-79039448293020323012024-03-13T15:32:47.930-07:00ข้าวต้มปลาข้าวต้มปลากระพง เก๋า, วิธีทำข้าวต้มปลา, ประโยชน์ของปลาrajohttp://www.blogger.com/profile/16777328233161307823noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-7903944829302032301.post-60019865058165642732010-10-08T01:28:00.000-07:002013-01-31T02:58:15.338-08:00ร้านวิบูลย์โภชนา ข้าวต้มปลา ราชวัตร สูตรแต้จิ๋ว<span style="font-weight: bold;">สวัสดีครับ ผมนายชวนชิม</span><br />
<br />
ข้าวต้มปลา สูตรแต้จิ๋ว เมนูเด็ดที่ต้องลอง หากจะทานข้าวต้มปลาร้อนๆ ซักชามร้านแรกที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆไปลองชิมดูคงหนีไม่พ้น ร้านวิบูลย์ โภชนา ข้าวต้มปลา ราชวัตร ร้านโปรดในดวงใจผมเลย ร้านวิบูลย์ โภชนา เป็นร้านดังย่านราชวัตร ใครที่ได้ผ่านไปย่านราชวัตร บ่อยๆน่าเคยผ่านหูผ่านตาบ้างครับ ที่ร้านนี้เป็นเก่าแก่เปิดขายมานานน่าจะร่วม 40 ปีได้ เรื่องของสูตรข้าวต้มปล่าที่นี่ก็มีรสชาติเป็นแบบฉบับของตัวเอง <br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">สำหรับทีเด็ดอยู่ที่นี่เลยครับ</span><br />
การคัดสรรปลานั่นเอง ไม่ใช่ว่าจะนำปลาอะไรมาทำก็ได้นะครับ ปลาที่จะนำมาทำต้องใช้ปลาตัวใหญ่ แล้วนำมาหั่นแบบชิ้นโตโต เวลาเคี้ยวนั้นจะได้รสชาติเต็มปลาเติมคำ และเวลาที่สุกแล้วจะให้ เนื้อที่ไม่เละยุ่ย แต่ยังคงเป็นชิ้นชิ้น เต็มคำเหมือนเดิม และ ที่สำคัญไม่เหม็นคาว<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">ทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว สูตรแต้จิ๋ว</span><br />
น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว รสชาติเด็ดมาก รับรองไม่เหมือนใคร เจ้าของร้านบอกว่า เค้าใช้เต้าเจี้ยวชั้นดี พริกขี้หนูสด น้ำมะนาว และ ส่วนผสมชั้นดี ทุกอย่างรวมกัน ในการทำไม่ยากครับ แต่จะทำให้ รสชาติออกมาเด็ด เจ็บถึงทรวงนั้นยาก เพราะต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญอย่างยิ่งในปรุง<br />
<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggUoBNHeOdSB5iDRJZdmM0u7tspSKLmo7Xev5TJG-EZAgskrkbiV8Vr41tg2TxKWrrnBH_OUl21j4NkCnnQ6_VU1i9M-E9nNS-r3QAOyJ0oSjUsuB-y2gPxQKeEDTZi9TW3DYe8P-acbU/s1600/14102010003.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5563801379835341266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggUoBNHeOdSB5iDRJZdmM0u7tspSKLmo7Xev5TJG-EZAgskrkbiV8Vr41tg2TxKWrrnBH_OUl21j4NkCnnQ6_VU1i9M-E9nNS-r3QAOyJ0oSjUsuB-y2gPxQKeEDTZi9TW3DYe8P-acbU/s400/14102010003.jpg" style="cursor: pointer; display: block; height: 300px; margin: 0px auto 10px; text-align: center; width: 400px;" /></a><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilPVmLF63kfTb7E17N3nk29YAw00s7Bec3NEjqzzivsWSVFhoqA_HZPAEx7eoDm3rxZKBTbOh6DeXVUlgM9kjKGDTmDL22Tiv9CTNfQE1hgYwHoHzMr6Hg3oT4gllDUq5o7AW3rXUYRbg/s1600/14102010004.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5563801698979762706" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilPVmLF63kfTb7E17N3nk29YAw00s7Bec3NEjqzzivsWSVFhoqA_HZPAEx7eoDm3rxZKBTbOh6DeXVUlgM9kjKGDTmDL22Tiv9CTNfQE1hgYwHoHzMr6Hg3oT4gllDUq5o7AW3rXUYRbg/s400/14102010004.jpg" style="cursor: pointer; display: block; height: 300px; margin: 0px auto 10px; text-align: center; width: 400px;" /></a><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhidwJsqMNPWiwX2y-mE7d7ZmRtk1zL1AsjbTelgLoOa9GrhbBWzvL_9meaflQKCKzzQz4g6DY9ucALrMfunoq2c_4N3eUWAtBzCBdx8Q3jPhxOH7ykCU9bzfEI7378NsEHGiOp9EhPwS8/s1600/271128.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5563802356460351154" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhidwJsqMNPWiwX2y-mE7d7ZmRtk1zL1AsjbTelgLoOa9GrhbBWzvL_9meaflQKCKzzQz4g6DY9ucALrMfunoq2c_4N3eUWAtBzCBdx8Q3jPhxOH7ykCU9bzfEI7378NsEHGiOp9EhPwS8/s400/271128.jpg" style="cursor: pointer; display: block; height: 300px; margin: 0px auto 10px; text-align: center; width: 400px;" /></a><br />
<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">สรุปคือ </span><br />
ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียงที่ยาวนาน บวกกับ ฝีมีการปรุงอาหารที่หาตัวจับได้ยาก<br />
ทำให้ ร้านวิบูลย์ โภชนา ข้าวต้มปลา ราชวัตร เป็นอีกหนึ่งร้านที่อยู่ในดวงใจผมครับ ถ้ามีโอกาสผ่านมาแถวราชวัตร จะลองเข้ามาชิมก่อน ส่วนจะถูกปากหรือไม่ค่อยว่ากันครับ<br />
<br />
<br />
<br />
ชื่อร้าน : ร้านวิบูลย์ โภชนา ข้าวต้มปลา ราชวัตร<br />
<br />
เมนูแนะนำ : ข้าวต้มปลาเก๋า,ข้าวต้มปลากะพง,ปลาลวกจิ้มเต้าเจี้ยว,ต้มยำหัวปลาหม้อไฟ,ออส่วนกระทะร้อน<br />
<br />
สถานที่ตั้ง : 556 พระราม 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300<br />
<br />
การเดินทาง ข้าวต้มปลาวิบูลย์โภชนา : จากถนนพระราม 5 ซ้ายคือสวนสัตว์ดุสิต ให้เลยมา 2 สี่แยก จะพบแยกราชวัตร ร้านวิบูลย์ ข้าวต้มปลา จะอยู่ทางขวามือ<br />
<br />
เบอร์โทรศัพท์ ร้านวิบูลย์ ข้าวต้มปลา : 089-114-7448(สายตรงถึงคุณวิบูลย์) ,0-2241-1505(เบอร์ร้าน)<br />
<br />
สถานที่จอดรถ : มีบริการอยู่ด้านหลังร้านrajohttp://www.blogger.com/profile/16777328233161307823noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7903944829302032301.post-80498411352842358512010-06-26T10:39:00.001-07:002013-01-30T05:14:02.571-08:00ข้าวต้มปลา… มีประโยชน์ มากกว่าที่คิด<div style="text-align: center;">
<b><span class="style93"><span lang="TH" style="font-family: Tahoma;">ข้าวต้มปลา… มีประโยชน์ มากกว่าที่คิด</span></span></b></div>
<span style="font-family: Tahoma; font-size: 10pt;"><br /></span><span class="style93"><span lang="TH" style="font-family: Tahoma;">ปลานั้นมีมากมายหลายประเภท ถ้าเราจะพูถึงเรื่องของการแยกประเภทปลานั้น ก็คงสุดแท้แต่ว่าจะแยกกันด้วยวิธีใด จะแยกเพื่อประโยชน์ประเภทใด แต่ถ้าจะแยกในทางการแพทย์ แล้วล่ะก็ แยกปลาได้สองประเภทคือ ปลาน้ำจึด กับ ปลาน้ำเค็ม</span></span><span lang="TH" style="font-family: Tahoma;"> <o:p></o:p>ข้อมูลจากเครือข่ายคนไทยไร้พุงบอกว่า</span><span style="font-family: Tahoma;"> ประเทศไทยเรายังคงบริโภคปลากันน้อย<span lang="TH">เพียงแค่ </span>32 <span lang="TH">กิโลกรัมต่อปี</span> หากเทียบกับประเทศ</span><span style="font-family: Tahoma;"><span lang="TH">สหรัฐอเมริกา</span></span><span style="font-family: Tahoma;"><span lang="TH">บริโภค </span>50<span lang="TH"> กิโลกรัมต่อปี </span><span lang="TH">ญี่ปุ่น บริโภค</span> 69<span lang="TH"> กิโลกรัมต่อปี </span><span lang="TH"> </span></span><br />
<br />
<span style="font-family: Tahoma;"><span lang="TH">ในขณะที่ปลาเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น </span><span lang="TH">สามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ </span><span lang="TH">สร้าง กล้ามเนื้อ </span><span lang="TH">และมีกรดไขมันโอเมก้า </span>3 <span lang="TH">ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน </span><span lang="TH">ป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ </span><span lang="TH">กระตุ้น การสร้างสารเคมีซีโรโทนินในสมองซึ่งมีฤทธิ์ต้านการซึมเศร้า </span><span lang="TH">นอกจากนี้ </span><span lang="TH">ยังเป็นสารอาหารสำคัญในการ สร้างเซลล์ประสาทในเด็กและทารกในครรภ์</span> <o:p></o:p></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"> <span lang="TH">กรดไขมัน โอเมก้า </span>3<span lang="TH"> ไม่ได้มีเพียงเฉพาะปลาทะเลเท่านั้น </span><span lang="TH">ปลาน้ำจืดในท้องถิ่นของเราก็มีกรดไขมันโอเมก้า </span>3<span lang="TH"> สูง </span><span lang="TH">และบางชนิดสูงกว่าปลาทะเล </span><span lang="TH">เช่น </span><span lang="TH">ปลาสวายเนื้อขาว </span><span lang="TH">มีกรดไขมันโอเมก้า </span>3 <span lang="TH">ถึง</span> 2,570 <span lang="TH">มิลลิกรัมต่อปลา</span> 100 <span lang="TH">กรัม </span><span lang="TH">ปลาช่อนมี</span> 870 <span lang="TH">มิลลิกรัมต่อ</span> 100 <span lang="TH">กรัม </span><span lang="TH">ปลากะพงมี </span>310<span lang="TH"> มิลลิกรัมต่อ </span>100 <span lang="TH">กรัม</span> <o:p></o:p></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"> <span lang="TH">นอกจาก นี้ </span><span lang="TH">แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและโภชนวิทยา คลินิก </span><span lang="TH">โรงพยาบาลรามาธิบดี </span><span lang="TH">ได้ แนะนำว่า </span><span lang="TH">การกินปลาสม่ำเสมอจะได้กรดไขมันโอเมก้า </span>3 <span lang="TH">เพียงพอ </span><span lang="TH">และสมาคมแพทย์โรคหัวใจ สหรัฐอเมริกาแนะนำให้กินปลาไม่น้อยกว่า </span>2 <span lang="TH">มื้อต่อ สัปดาห์ </span><span lang="TH">โดยไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันปลามากินเพิ่ม</span> <span lang="TH">เพราะการได้รับน้ำมันปลาเสริมมากเกินไป </span><span lang="TH">อาจเกิดภาวะเลือดออกง่าย </span><span lang="TH">โดยเฉพาะผู้ที่ กินยาแอสไพรินร่วมด้วย </span><span lang="TH">อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ เลือดออกในสมองได้ </span><span lang="TH">และปลาที่กินควรใช้วิธีการต้ม หรือนึ่ง</span> <o:p></o:p></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"> <span lang="TH">ในภาวะ ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น </span><span lang="TH">จึงอยากเชิญชวนให้กินปลาน้ำ จืดกันให้มากขึ้น </span><span lang="TH">เพราะนอกจากจะทำให้มีสุขภาพดีแล้ว </span><span lang="TH">ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย</span></span><br />
<br />
<br />
<span style="font-family: Tahoma;"><span lang="TH"><u><span style="font-weight: bold;">วิธีทำ ข้าวต้มปลา</span></u><br /><br />วิธี ทำ เริ่มจากต้มข้าวต้มก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งใครจะใช้วิธีนำข้าวสวยมาต้มเลยก็จะทำได้ง่าย แต่ถ้าเลือกใช้ข้าวสารมาต้มก็จะได้กลิ่นหอมของข้าวและได้ข้าวเป็นเม็ดสวย กว่า<br /><br />เมื่อต้มข้าวจนสุกแล้วก็พักไว้ก่อน หันมาทำส่วนผสมสำคัญของข้าวต้มปลากันบ้าง นำน้ำซุปไก่หรือน้ำซุปกระดูกปลามาต้ม<br /><br />สำหรับใครที่มีเวลาน้อยไม่มีเวลาต้มน้ำซุปก็สามารถใช้ซุปก้อนแทนได้ ใส่เกลือลงไปสักหนึ่งหยิบมือ แล้วใส่รากผักชีกระเทียมพริกไทยที่ตำเอาไว้ลงไปต้มในน้ำซุปด้วย<br /><br />พอน้ำเดือดแล้วหยิบขึ้นฉ่ายมาหนึ่งต้น หั่นเป็นท่อนๆแล้วใส่ลงไปในน้ำซุป รวมทั้งข่าเผาที่โขลกละเอียดแล้วใส่ลงไปพร้อมกัน เพื่อเวลาที่นำปลาลงไปต้มแล้วน้ำซุปจะไม่คาว และยังช่วยเพิ่มกลิ่นให้น่ากินยิ่งขึ้น จากน้ำนำปลากะพงลงไปในขณะที่น้ำกำลังเดือด อย่าคนจนกว่าปลาจะเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและซีอิ้วขาว ชิมรสให้พอดีก็ปิดไฟยกลงได้ แต่อย่าต้มนานเกินไปจนเนื้อปลาแข็งหมดอร่อยล่ะ<br /><br />เวลาจะเสิร์ฟตักข้าวต้มเอาแต่เนื้อข้าวใส่ชาม แล้วตักเนื้อปลาและน้ำซุปที่ต้มไว้ราดลงไป เอาผักชีต้นหอมและขึ้นฉ่ายที่เหลือหั่นเป็นท่อนสั้นๆ โรยหน้า พร้อมด้วยกระเทียมเจียวหอมๆราดตาม แล้วโรยพริกไทยปิดท้าย ได้ซดน้ำซุปร้อนๆกับเนื้อปลานิ่มๆผสมกับข้าวต้ม อร่อยอย่าบอกใครเชียว</span></span><br />
<br />
<span style="font-family: Tahoma;"><span lang="TH"><span style="font-weight: bold;">สำหรับส่วนผสมมีดังนี้</span><br /><br />ข้าวสาร 1/2 ถ้วย<br />เนื้อปลากะพง 2 ขีด<br />น้ำซุปไก่หรือน้ำซุปกระดูกปลา (หรือจะใช้ซุปก้อนก็ได้) 3 ถ้วย<br />รากผักชี กระเทียม พริกไทยเม็ด ตำผสมกัน 1 ช้อนโต๊ะ<br />ขึ้นฉ่าย 3 ต้น<br />ข่าเผาหรือคั่วโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ<br />ผักชี-ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ<br />กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ<br />น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ<br />ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ<br />เกลือ 1/2 ช้อนชา<br />พริกไทยป่นไว้โรยหน้าข้าวต้มปลา</span></span><br />
<br />rajohttp://www.blogger.com/profile/16777328233161307823noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7903944829302032301.post-29611570677206760282010-06-26T10:36:00.000-07:002010-10-06T20:58:52.179-07:00ข้าวต้มปลา<div style="text-align: center;"><span style="font-size:180%;"><span style="font-weight: bold;">กินปลา เพื่อสุขภาพ ( ประโยชน์ ของปลา )</span></span><br /><br /></div><br />1. ปลาสามารถแยกประเภทและชนิดได้อย่างไร<br /><br />จริง ๆ วิธีแยกประเภทของปลา คงจะมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่า จะแยกเพื่อประโยชน์ประเภทใด แต่ในทางวิชาการแพทย์ หรือที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ก็คงจะแยกเป็นปลาน้ำจืด กับปลาน้ำเค็ม<br /><br />2. ในเนื้อปลามีสารอาหารชนิดใดบ้างที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย<br /><br />ด้านหลัก : จะ เป็นโปรตีน ซึ่งในเนื้อปลา จะเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย ไขมันจะมีอยู่บ้าง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของปลา อย่างในปลาน้ำจืด จะมีไขมันไม่มากนัก ยกเว้นพวกปลาสวาย หรือปลาสลิดตากแห้ง ส่วนปลาทะเล ก็จะมีไขมันอีกประเภท ซึ่งจะแตกต่างจากปลาน้ำจืด พวกที่เป็นกรดไขมัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เราพบว่า มันมีคุณค่าในแง่ ของการลดการจับตัวของเกล็ดเลือด และอาจจะช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือไขมันในเลือดสูง นอกจากนั้น เครื่องใน ตับปลา ก็จะมีน้ำมันและวิตามิน ในกลุ่มที่ละลายได้ดีในไขมัน เป็น วิตามิน A D E K และ แร่ธาตุ โดยเฉพาะในตัวปลาบางชนิด ที่เรารับประทานได้ ก็จะได้แคลเซียมด้วย<br /><br />3. ปกติเราควรรับประทานอาหารประเภทปลามากน้อย เพียงใดต่อวัน<br /><br />ปกติร่างกายของคนเรา จะต้องการโปรตีนแตกต่างกันไป แล้วแต่ช่วงวัย เช่น วัยเด็กจะต้องการโปรตีนสูง 1.2 - 1.5 ต่อ น้ำหนักต่อ 1 กิโลกรัม ในผู้ใหญ่ 0.8-1 กรัม ต่อ กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งในแต่ละวัน ก็ควรบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย<br /><br />4. ในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพมีอะไรบ้าง<br /><br />ด้านหลัก : ก็ จะได้โปรตีน เพราะโปรตีน เพราะโปรตีนในเนื้อปลา จะย่อยง่าย มีคุณค่าในแง่ของการบำรุงสมอง การพัฒนาสมองในเด็ก โดยเฉพาะปลาทะเล นอกจากจะได้โปรตีนแล้ว ยังจะได้แร่ธาตุไอโอดีน จะมีบทบาทในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะที่ไกลจากทะเล ก็จะมีความเสี่ยงก็จะเกิดโรคคอพอก ในกลุ่มผู้สูงอายุก็เป็นแหล่งโปรตีน ที่รับประทานง่าย ย่อยง่าย ก็จะเป็นประโยชน์ของปลา<br /><br />5. ในกรณีที่แพ้อาหารทะเล ไม่สามารถรับประทานได้ จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร<br /><br />ถ้า ขาดอาหารทะเล ก็สามารถรับประทานปลาน้ำจืดแทนได้ แต่ถ้าไม่สามารถรับประทานปลาได้เลย เช่น เหม็นคาวปลา ก็ยังสามารถได้ในแหล่งโปรตีนอื่นๆ เช่น เนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ไข่ดาว ถั่ว งา ร่างกายก็ยังจะได้โปรตีนเพียงพอ<br /><br />6. การรับประทานปลาให้ได้ประโยชน์ ต่อร่างกาย<br /><br />6.1 รับประทานปลาที่ปรุงสุก<br /><br />6.2 เปลี่ยนประเภทของปลาไปเรื่อยๆ ลดปัญหาการปนเปื้อน<br /><br />6.3 บริโภคร่วมกับอาหารอื่นๆ ให้ครบทุกชนิด คือ อาหารหลัก 5 หมู่<br /><br />7. ที่เรียกกันว่า น้ำมันตับปลา หรือ น้ำมันปลา ควรรับประทานหรือไม่<br /><br />ปัจจุบันที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด จะมี 2 ประเภท คือ น้ำมันตับปลา หรือ น้ำมันปลา<br /><br />น้ำมัน ตับปลา มีจำหน่ายมานานแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่จะนำมาให้เด็กๆ ทาน เพื่อเป็นยาบำรุง ซึ่งจะมีวัตถุประสงค์ ก็จะต้องการเสริมวิตามิน ซึ่งจะละลายในไขมัน A D E K ก็จะสกัดจากปลา มีทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ<br /><br />แต่ในปัจจุบันนี้ ที่นิยมกันมากขึ้น คือ น้ำมันปลา (Fish oil) เป็น สารสกัดไขมันจากปลาทะเล มีการศึกษาจากการเปรียบเทียบ เกี่ยวกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ในคนชาวเอสกิโม เมื่อเปรียบเทียบ กับชาวเอสกิโม จึงทำให้ชาวเอสกิโม มีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ น้อยกว่า นับว่าชาวเอสกิโม จะรับประทานปลามากกว่า จึงทำให้ได้รับสารอาหารกจากปลามากกว่า ซึ่งจะมีฤทธิลดกรดตัวของเกร็ดเลือด และลดไตรกีรเซอร์ไรด์ได้ดี ทำให้คนมีความสนใจมากขึ้น แต่จากการศึกษาทดลอง จากแพทย์สหรัฐอเมริกา พบว่า การบริโภคแต่น้ำมันปลาในรูปเม็ด ไม่สามารถป้องกันโรคหัวใจ และไม่ช่วยผู้ป่วย หายจากโรคหัวใจ<br /><br />8. ข้อแนะนำช่วงท้ายรายการ : ข้อแนะนำเพื่อ สุขภาพ<br /><br />8.1 รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่<br /><br />8.2 รับประทานอาหารให้พอเหมาะ<br /><br />8.3 รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารมาก ช่วยควบคุมลำดับน้ำตาลและไขมันในเลือด<br /><br />8.4 หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ที่มีไขมันในปริมาณมาก<br /><br />8.5 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ<br />8.6 งดการสูบบุหรี่ และดื่มสุรา<br /><br /><br /><br /><br /><br /><!-- Histats.com START (standard)--> <script type="text/javascript">document.write(unescape("%3Cscript src=%27http://s10.histats.com/js15.js%27 type=%27text/javascript%27%3E%3C/script%3E"));</script> <a href="http://www.histats.com/" target="_blank" title="web statistics"><script type="text/javascript"> try {Histats.start(1,1165014,4,4002,112,61,"00010000"); Histats.track_hits();} catch(err){}; </script></a> <noscript><a href="http://www.histats.com" target="_blank"><img src="http://sstatic1.histats.com/0.gif?1165014&101" alt="web statistics" border="0" /></a></noscript> <!-- Histats.com END -->rajohttp://www.blogger.com/profile/16777328233161307823noreply@blogger.com0